วัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ



วัตถุอาถรรพ์ตามธรรมชาติ 

แบ่งเป็น 5 ประเภท ดังนี้
1. ประเภทโลหะ
2. ประเภทแร่ที่ใช้ในพิธีกรรมทางเวทย์ 
3. ประเภทปรอทกรอบ
4. ประเภทวัตถุอาถรรพ์แบบสัตว์
5. ประเภทวัตถุอาถรรพ์แบบพืช

1. ประเภทโลหะ มี 2 สายได้แก่โลหะประเภทที่ 1 ประเภทเหล็กไหลดำ ได้แก่เหล็กไหลดำ, เหล็กไหลตาน้ำ, ทองคำดำ, พญาสมิงเหล็ก, เหล็กไหลบารมี, โคตรเหล็กไหล, เหล็กหลบ, แร่บางใผ่, แร่เกาะล้าน และอื่นๆโลหะประเภทที่ 2 ประเภทเหล็กไหลขาว ได้แก่เหล็กไหลขาว, เหล็กเปียก, ทองคำขาว, สังฆวานร (ชินวรสังฆวานร), แร่เงินยวง, หยดน้ำฟ้า, วัชระธาตุ, โพธิสัตว์ธาตุอื่นๆ

2. ประเภทแร่ที่ใช้ในพิธีกรรมทางเวทย์ ได้แก่ แร่เพชรนิล, แร่เขาเขียว (หินอัคนี) ต้องนำมาหลอมผ่านพิธีกรรม 7 ครั้งจะกลายเป็นเหล็กน้ำพี้, แร่เกาะล้าน

3. ประเภทปรอทกรอบ ได้แก่ ปรอทกรอบ, เพชรหน้าทั่ง, แร่เพชรทอง, ข้าวตอกพระร่วง, ผงเกร็ดแก้ว หรือ ผงเพชรเกล็ดแก้ว, ผงมณีรัตน, กากน้ำนมแม่พระธรณี, ไข่มุกกวนอิม (ไข่มุกถ้ำ), ไข่หิน, เกล็ดมณีนาคราช, เกล็ดพญามังกรไฟ, สุธรรมธาราธาตุนำมาบดเป็นผงเรียกว่าผงสุริยัน, ผงจันจิราจันทราทิพย์โดยส่วนใหญ่จะนำผงสุริยันกับผงจันจิราจันทราทิพย์นำมาทำมนต์สุริยันจันทรา, มนต์นาคราช, มนต์เทพรัญจวน, แร่เงิน, แร่ทอง, ผงเกร็ดแก้วพิสดาร, ชินวร, ขวานฟ้า, แร่ทรายทอง,แร่ทรายเงิน (ไหลคำคำ), แก้วขนเหล็ก, พระธาตุเหล็กไหล, โครตทรหต, เหล็กไหลบารมี,เหล็กไหลตาน้ำ, เหล็กเปียก, ตับหิน, โครตเหล็กไหล, เพชรพญานาค,เพชรพญางู, เขี้ยวหนุมาณ, เพชรน้ำค้าง, มณีนาคราช, เพชรน้ำรอด, แร่เฮมาไทด์(แร่ทรหต), เหล็กไหลแก่น, คตไม้สัก, ตะกั่วน้ำนม, ทองแดงดิบ, ทองแดงเถื่อน, คตหิน และอื่นๆ

4. ประเภทวัตถุอาถรรพ์แบบสัตว์ ได้แก่ คตผึ้ง, คตหอย, เพชรตาแมว, งากระเด็น(งาสลัด), งูปากเป็ด, จิ้งจกสองหาง, ผึ้งทำรังตามบ้าน, รกแมว,ลูกกรอก ,เขี้ยวหมูตัน, ปูหิน, เขี้ยวเสือกลวง, ตะขาบทองแดง, คตปลวก, กระโปกทองแดง, ตับทองแดง, คนลิ้นดำ , เขากวางคุต, งาช้างกลวง, นอแรด, คตหอยพระธาตุ และอื่นๆ

5. ประเภทวัตถุอาถรรพ์แบบพืช ได้แก่ กระชายดำ, ดอกตะใคร้, พญางิ้วดำ, กัลปังหาดำ, ตะกล่ำดำ, กลิ้งกลางดง, เถาวัลย์หลง, น้ำโมกผา, ทรายน้ำไหล, ครอบจักรวาล, ปอดำ, ตะกล่ำแดง, ขมิ้นหิน, เม็ดข้าวสารดำ, ข้าวเหนียวดำ, มือนาง, หมากไม้มณีโคตร, คตมะพร้าวคตมะขาม, คตหอย, คตปู, คตตะขาบ, คตขนุน, กาฝากรัก, กาฝากมะนาว, กาฝากมะรุม, กาฝากขนุน, กาฝากคูณ, กาฝากทับทิม ,กาฝากโพธิ์, กาฝากสักทอง, กาฝากตะเคียน, โพธิ์ใต้ต้น, ไม้กระบก,ไม้โมก, ไม้จันทรหอม, ไม้ถุมภีดำ, กะลาตาเดียว, กะลาไม่มีตา, ไพรดำ, คตขนุน, ผลยอป่าหิน, กาฝากไม้แดง, มะพร้างเห้งเจีย, ว่านนางพญาท้าวเอว, ว่านนางพญานาคราช, สรรพยา, ว่านโพรง, สากกะเบือแม่ม่าย, ไม้เขยตาย, กล้วยตานีออกปลีกลางกอ, ว่านพระพุทธเจ้า 5 พระองค์, ไผ่ตัน, ไผ่ตารอบกอ, ดอกไผ่, ตะเคียนทอง, ไม้สัก, ไม้ยมตายพราย, ว่านดอกทอง, เสน่ห์จันทร์แดง, เสน่ห์จันทร์ขาว, เสน่ห์จันทร์เขียว, ส้มป่อย, หญ้าพระอินทร์, น้ำนมราชสีห์, หนุมานประสานกาย, หนุมานนั่งแท่น, รางจืด, เสลตพังพอน, เถาวัลย์เปรียง, โคคลาน, ผักเสี้ยนผี, ว่านพญาใหญ่, มหาลาภ, พระพุทธเจ้าหลวง, ว่านมหากาฬ, ว่านพระอาทิตย์, ว่านช้างผสมโขลง, เงินไหลมา, เศรษฐีเรือนใน, เศรษฐีเรือนนอก, ว่านเศรษฐี, รางเงินว่านรางทอง, เขียว 1,000 ปี, เขียว 10,000 ปี, ว่านนกคุ้ม และอื่น ๆ
•••••••••

ประเภทพืชที่ใช้ในการแก้อาถรรพ์ 

ได้แก่ ผักกะเฉด, ผักแว่น, มะระ, สัปปะรด, มะนาว, มะเฟือง, มะม่วง, มะกรูด, ไพร, ขิง, ข่า, ขมิ้น, ตะใคร้ มีฤทธิ์อำนาจในการชำระล้างคุณไสยที่เกิดจากลมเพลมพัด ทนสิทธิ์ บ่วงนาคบาศก์ หรืองูกินหางงูกินหาง คือ งูตาย โดยการกินหางของตัวเองเข้าไปแต่ไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะ อะไรถึงกิน เป็นของหายากมาก ถ้าใครบังเอิญไปเจอเข้าให้นำดอกไม้ ธูป เทียนจุดขอมาบูชา เพราะเชื่อว่าใครมีหรือพกพาจะช่วยให้มีกินมีใช้ ไม่มีอดตลอดชาติ บังเกิดโชค บังเกิดลาภ และยังใช้ป้องกันเขี้ยวงาได้อีกด้วย

เดือยงูเหลือม สุดยอดตำนานเครื่องรางที่พิศดารแต่ผลชงัด.เดือยงูเหลือมมีอำนาจมาก เป็นของที่มีอาถรรพ์ในตัวเอง ที่เรียกว่าของวิเศษงูเหลือมเป็นงูชนิดเดียวที่มีเดือย ซึ่งจะมีเฉพาะงูตัวผู้ที่แก่แล้วเท่านั้น โดยธรรมชาติของงูจะต้องเลื้อยออกไปหากิน แต่งูเหลือมนั้นเมื่ออายุมากแล้วจะไม่ออกไปหากินแล้ว แต่จะออกเดินทางหากอาณาเขตในการนอนรอเหยื่อ และจะค่อยๆมีเดือยงอกออกมาแถวๆใกล้รูถ่ายของเสีย โดยที่มันจะใช้เดือยนี้ วงเป็นอาณาเขตวงกลมรอบๆที่มันนอนอยู่ ในวงอาณาเขตนี้ ถ้าสัตว์ใดหลงเดินเข้ามาอย่าหวังจะได้ออกไปอีก เหมือนโดนคาถาต้องมนต์งงงวย สัตว์เหล่านั้น จะเดินเข้าไปให้งูเหลือมตัวนั้นกินแบบสบายๆ แม้แต่งูตัวเมียก็จะเดินเข้ามาให้ผสมพันธุ์อยู่ไม่ขาดเหตุนี้ตำราโบราณจึงบอกว่าเป็นของดีที่วิเศษในตัว แต่การที่จะเอามาจะต้องเลือกเอามาได้เฉพาะตัวที่มันตายพราย คือแก่ตาย หรือตายโหง คือมีอุบัติเหตุ เช่น ไฟป่าคลอกตาย เป็นต้น เท่านั้นถึงจะขลัง (ไม่ใช่ว่าไปจับมันมาแล้วฆ่า)สรรพคุณ - ดีในด้านเสี่ยงโชค (สะกดคนที่เล่นการพนันกับเรา)
- ดีในด้านทำมาหากิน มีลูกค้ามาหาเอง
- ดีในด้านมหาเสน่ห์สวดนะโม3จบแล้วอธิษฐานขอสิ่งที่เราต้องการ

โอม ตะมังถังปะกาเสนโต สัดทาทะ ไกรสราช สีห์วิยะ อิทังคาถะมาหะ 

ชิ้นนี้จัดอยู่ในกลุ่มเดือยขนาดใหญ่ สังเกตที่ข้อเดือยป้อมและใหญ่มาก ท่านใดที่มีเดือยอยู่ลองเทียบดูได้เลย

หางช้างเผือก เครื่องรางที่หายาก เป็นหางช้างเผือกของในหลวงของเรา ได้มาจากพระตำหนัภูพาน ช้างเผือกเชือกนี้มีตำแหน่งเป็นคุณพระ ซึ้งขนหางช้างที่ดีต้องรอให้หลุดเอง ชาวจีนโบราณถือว่าเป็นตัวแทนของความรักที่มั่นคง หางช้างเผือกจะเป็นสีออกน้ำตาลใสๆ

          ช้างเผือกนั้นโบราณท่านถือว่าเป็นสัตว์ที่มีบุญญาบารมี เป็นของคู่บุญของพระมหากษัตริย์ไทยเราตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ธรรมชาติของช้างจะใช้หางปัดแมลงที่เข้ามารบกวน บุรพาจารย์ท่านถือเคล็ดว่าหางช้างนั้นเป็นของดีที่ใช้ปัดรังควาญ เสนียดจัญไร สิ่งไม่ดีทั้งหลายทั้งปวง จึงนิยมนำหางช้างมาทำเป็นแหวนพิรอด ทำวิชาลงอาคม ซึ่งเมื่อทำถูกต้องตามตำรับไสยเวทย์แล้วจัดเป็นของวิเศษที่เรืองอำนาจมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งหางของช้างเผือกนั่นเอง

คดลิ้นจี่ลิ้นจี่ เป็นพืชที่ชอบอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ผลมีรสชาติหวานอร่อยโดยเฉพาะพันธุ์จักรพรรดิถือเป็นสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงมากทีเดียว ส่วนคดลิ้นจี่นั้นจะเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะคือ เกิดขึ้นที่เมล็ดของลิ้นจี่ และเกิดเป็นคดที่ผลของลิ้นจี่ทั้งลูกเลย คดชนิดนี้จัดว่าหาได้ยากยิ่ง นานทีปีหนจึงจะได้เจอเข้าสักชิ้นหนึ่ง ถือกันว่าเป็นของวิเศษที่สวรรค์ประทานลงมาให้กับผู้ที่มีวาสนาได้ครอบครอง
          อานุภาพของคดชนิดนี้มักจะเด่นทาง เจริญโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรืองเมตตามหานิยม

เครือเถาหลง , เครือสาวหลง , เครือเขาหลงเครือเถาหลง คือ ไม้ชนิดเดียวกันที่อยู่ในป่าลึก มีเทวดารักษา ผู้มีวิชาอาคมถึงไปขอตัดเอามาได้ที่ชื่อ อย่างนี้ก็เพราะว่า ไม้นี้ ถ้าคนหรือสัตว์เผลอไปข้ามเข้าก็จะหลงป่า แม้แต่นกที่บินผ่านต้นก็จะหลงอยู่ที่ต้นไปไหนไม่ได้ ปละตกลงมาตาย ตรงใต้ต้นเครือเขาหลง นี้จึงเต็มไปด้วยซากสัตว์เครือเขาหลงนี้ เป็นการม้วนตัวของเครือไม้เขาหลง ที่ม้วนเองตามธรรมชาติ ม้วนเป็นบ่วง ที่เรียกว่า บ่วงนาคบาท เป็นของอาภรรพ์ ทางธรรมชาติ ของทนสิทธิ์ ที่หาได้ไม่ง่ายนัก เพราะจะมีอยู่ในป่าลึก บางท่านก็เคยกล่าวไว้ว่า เครือเถาหลง จะมีอยู่ตรงบริเวณหน้าทางเข้าเมืองลับแล เพื่อป้องกันและทำให้ผู้ที่มีเจตนาไม่ดี ต้องหลงทาง เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง ของอาถรรพ์..ทางธรรมชาติ ทนสิทธิ์ซึ่งผู้มีวิชาอาคมเท่านั้นถึงไปขอพลีตัดเอามาได้ ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้นหวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้ ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีรากของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำรากของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลและเป็นที่นิยมกันยิ่งนัก สำหรับคาถาที่ใช้เสกกำกับเวลานำออกใช้ โบราณท่านแนะนำไว้ก็หาได้ยุ่งยาก ท่านแนะนำก่อนใช้ให้เสกด้วย “นะโมพุทธายะ” หรือ “อิธะคะมะ” รับรองว่าจะสำเร็จผลตามที่ปรารถนา ยิ่งเสกด้วยมนตรามหาหลงที่ขึ้นต้นว่า “โอมมหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงที่กิ่งหลงทั้งก้านหลงทั้งรากหลงทั้งใบ…..” แล้วละก็เรื่องเสน่ห์หาเด็ดขาดทีเดียวใบจะมีลักษณะเรียวแหลมและคล้ายๆกับถูกฉาบด้วยปรอท จะต้องไปเอาในวันอังคารเท่านั้นถึงจะดี เพราะเป็นวันแรงตั้ง

นะโม 3 จบ 

แล้วอฐฺษฐานในสิ่งที่ต้องการ จากนั้นว่าคาถา....

โอม หลง หลง มหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงทั้งต้น หลงทั้งกิ่ง หลงทั้งก้าน หลงทั้ราก 
หลงทั้งใบ คนเห็นน้ำตาตก นกเห็นน้ำตาไหล ไผผู้ใดเห็นหน้ากู อยู่มิได้ร้องไห้หากู 
หลงทั้งหน้า หลงทั้งหลัง หลงทั้งซ้าย หลงทั้งขวา หลงทั้งต่ำ หลงทั้งสูง หลงทั้งกลางวัน
หลงทั้งกลางคืน หลงทั้งยืน หลงทั้งนั่ง หลงทั้งนอน สวาหะจับติด นะจับจิต โมจับใจ 
พุทจับไว้ ธาจดจำ ยะจำใส่จิต ติดไว้ใส่ใจ อิศวรนารายณ์ พระพาย พระภูมิ พระพรหมเจ้าที่ 
ครูปู่อยู่ถ้ำ สิทธิให้หลง...ติดหรือ คาถาบูชา เครือเขาหลง เถาวัลย์หลง หรือ เครือสาวหลง 
อีกแบบโอมละลวยมหาละลวย ชายเห็นชายงวย หญิงเห็นหญิงหลง เห็นหน้ากูให้งวยงงจงใจ
รัก จะภะกะสะภะคินี กูจะคิดถึงสาวทั้งหลายก็มายินดี จงมาช่วยกูอยู่พร้อมหน้า ภะคินี 
กูจะคิดถึงสาวทั้งหลายก็มายินดี จงมาช่วยกูอยู่พร้อมหน้า ภะจะกะสะ ทั้งฝูงชนก็มาพะวักพะวงหลงรักใคร่ กูจะมารำลึกถึงเจ้าไท้ ก็มาลืมสวาทรัก จะภะกะสะ กูจะคิดถึงสาวแท้ 
ก็มาลืมทั้งแม่ทั้งพ่อ จะภะกะสะ พะวักภวังค์ให้จิตคุ้มครั่งตะลึงหลง จะภะกะสะโอม 
พระพายเจ้าเอ๋ย เจ้าจงมาชักนำ (เอ่ยชื่อผู้ที่เราปรารถนา) มาจะภะกะสะ มหาละลวยงวยงง
จงใจรักแห่งกู จะภะกะสะ ช้างในป่าหลงรักกูก็มาลืมดง จะภะกะสะ ผมอยู่บนหัวก็มาลืมเกล้า
จะภะกะสะข้าวอยู่ในคอก็มาลืมกลืน อะอึกสะอื้นมาหากู จะภะกะสะ คิดถึงกูอยู่มิได้ 
อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ อาคัจฉาหิ อาคัจฉายะ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ

หอยสังข์เวียนขวา ของดีมงคล(ตามความเชื่อ)ตำนานสังข์ที่ใช้ในพิธีทางศาสนาพรามหณ์สำหรับประวัติและความเป็นมาของ หอยสังข์ ซึ่งนิยมกันว่าเป็นอุดมมงคลสูง จนทำให้ต้องนำมาใช้ในงานมงคลต่าง ๆ ก็มีที่มาจากเรื่องเล่าเป็นปรัมปราต่อกันมาว่า มียักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า สังข์อสูร ยักษ์ตนนี้ได้มาพบพระพรหม ในขณะที่บรรทมหลับอยู่และมีพระเวทต่าง ๆ ไหลออกมาจากพระโอษฐ์ก็ให้เกิดความอิจฉาขึ้น จึงได้ขโมยเอาพระเวทต่าง ๆ นั้นไปเสียเพื่อที่พวกพราหมณ์จะได้ไม่มีพระเวทเป็นเครื่องสวดอ้อนวอนพระพรหมและเทพเจ้าองค์อื่น ๆ ได้อีกแต่ในขณะเดียวกันนั้นพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นการกระทำของยักษ์สังข์อสูรนั้นทุกประการจึงติดตามไปเพื่อจะเอาพระเวทนั้นกลับคืนมา เมื่อยักษ์สังข์อสูรเห็นพระนารายณ์ติดตามตนมาในระยะกระชั้นชิด เช่นนั้นก็เห็นว่าเป็นการจวนตัวจึงได้กลืนพระเวททั้งหมดลงไปไว้ในท้องของตน แล้วกระโดดลงไปในน้ำมหาสมุทรดำน้ำหนีหายไปทันที เมื่อพระนารายณ์เห็นดังนั้นจึงได้เนรมิตร่างของพระองค์ให้เป็นปลาใหญ่ เที่ยวค้นหาตัวยักษ์สังข์อสูรเพื่อจะจับตัวไว้ให้ได้ก่อนที่ยักษ์สังข์อสูรนั้นจะทำลายพระเวทต่าง ๆ ให้หมดไปจากโลกในที่สุดพระนารายณ์ก็จับตัวยักษ์สังข์อสูรเอาไว้ได้ แล้วจึงทวงถามเอาพระเวทคืน แต่ยักษ์สังข์อสูรนั้นไม่ได้มีการเจรจาโต้ตอบแต่ประการใดได้แต่นิ่งเฉยอยู่เท่านั้นเมื่อพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าพิจารณาดูไปก็ได้ทราบว่ายักษ์สังข์อสูรได้กลืนเอาพระเวทเข้าไว้ในท้องของตน จึงได้เอาพระหัตถ์บีบที่ปากของยักษ์สังข์อสูรจนเนื้อที่ปากนั้นปริออกมาตามระหว่างนิ้วของพระองค์แต่เมื่อทรงเห็นว่ายักษ์สังข์อสูรนั้นยังไม่ยอมคืนพระเวทอีก จึงได้ทรงเอานิ้วพระหัตถ์ล้วงเข้าไปในท้องของสังข์อสูรแล้วทรงค้นหาพระเวทซึ่งอยู่ในท้องของสังข์อสูร เมื่อทรงเอาพระเวทกลับคืนออกมาจากท้องของยักษ์สังข์อสูรได้จนหมดเรียบร้อยทุกพระคัมภีร์แล้ว พระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าจึงได้ทรงสาปยักษ์สังข์อสูรนั้นว่า ขอให้เจ้าจงมีสภาพร่างกายเป็นอย่างนี้และจงอยู่แต่ในน้ำสืบไป อย่าได้ขึ้นมาบนบกอีกต่อไปเลย เมื่อชาวมนุษย์ทำงานมงคลใด ๆ จึงค่อยมาจับเอาตัวเอ็งไปร่วมในงานพิธีมงคลนั้นด้วย เมื่อทรงสาปแล้วได้ทรงทิ้งร่างของยักษ์สังข์อสูรนั้นลงไปในมหาสมุทรทันที แล้วจึงได้เอาพระเวทนั้นมาส่งคืนให้แก่พระพรหมผู้เป็นเจ้าของเดิมเมื่อยักษ์สังข์อสูรนั้นอยู่ในน้ำมหาสมุทรเนิ่นนานเข้าจึงได้กลับกลายมาเป็นหอยสังข์ และมีสภาพเหมือนกับคำที่พระนารายณ์ได้สาปไว้ทุกประการ ตามบริเวณร่างกายของหอยสังข์นั้นได้มีรอยนิ้วพระหัตถ์ของพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้ายังปรากฏอยู่ในขณะที่พระองค์ทรงบีบปากเพื่อค้นหาคัมภีร์พระเวทเมื่อครั้งแรก และที่ปากของหอยสังข์จึงเป็นรอยยาวออกมานั้น ก็เพราะพระนารายณ์ท่านลากคัมภีร์พระเวทต่าง ๆ ออกมาทางปากครั้นเมื่อถึงเวลาจะทำพิธีมงคลต่าง ๆ จึงจะนำหอยสังข์นั้นมาเข้าร่วมอยู่ในงานพิธีมงคล อย่างพิธีแต่งงานเพราะหอยสังข์เคยเป็นที่บรรจุพระเวทต่าง ๆ ไว้ในท้องของตนจนครบทุกประการนั่นเองทำไมต้้องหอยสังข์สังข์ หรือหอยสังข์นั้น ประชาชนชาวไทย ต่างก็มีความนับถือกันว่า เป็นของที่เป็นอุดมมงคลอย่างสูงยิ่ง และในงานพิธีมงคลต่าง ๆ ซึ่งจัดขึ้นในบ้านเรือนของประชาชนชาวไทยเรา เช่น งานมงคลสมรส เป็นต้น เราก็มักจะได้พบหอยสังข์ ซึ่งใช้เป็นที่หลั่งน้ำแก่คู่บ่าวสาวเพื่อจะทำให้อยู่เย็นเป็นสุข หอยสังข์นั้นนอกจากจะใช้เป็นเครื่องหลั่งน้ำ เพื่อให้มีความสุขความเจริญแล้ว ยังใช้เป่าเพื่อให้ได้ยินเสียง ให้เกิดความเป็นสิริมงคลอีกด้วย บางตำนานและบางความเชื่อก็ว่า ที่เรานำหอยสังข์มาใช้ในพิธีรดน้ำสังข์ ก็เพราะว่า สังข์ คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 14 อย่าง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร จึงถือเป็นของสิริมงคลสำหรับคู่บ่าวสาว ส่วนประเพณีการใช้น้ำพระพุทธมนต์บรรจุในสังข์ ก็โดยเหตุที่คนไทยเป็นพุทธศาสนิกชน ดังนั้นน้ำที่เกิดจากการเจริญพระพุทธมนต์ จึงถือเป็นสิ่งมงคลยิ่ง จึงทำให้ในพิธีแต่งงานได้นำน้ำมาบรรจุในหอยสังข์ การรดน้ำสังข์จึงเสมือนเป็นการอวยพรให้คู่บ่าวสาวมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตคู่สังข์เป็นสิ่งมงคลมาแต่อดีต ในพระราชพงศาวรดารอยุธยาได้บันทึกความตอนขุดดินลงปักเสาเอกพระบรมมหาราชวังไว้ดังจะยกมา พอสังเขปดังนี้ "...ศักราชปี ๗๑๓ ปีขาลโทศก วันศุกร์ขึ้นหกค่ำเดือนห้าเพลาสามนาฬิกาห้าบาทสถาปนากรุงศรีอยุธยาชีพ่อพราหมณ์ได้ตั้งพิธีกลบบัตรได้สังข์ทักษิณาวัตรใต้ต้นหมันใบหนึ่ง" จากพระราชพงศาวดารตอนนี้แสดงถึงความสำคัญของสังข์ซึ่งนับเป็นศุภมงคลถึงกับต้องจารึกไว้สังข์นั้นมีอยู่สองชนิดคือสังข์ทักษิณาวัฎ(สังข์เวียนขวา) และสังข์อุตราวัฏ(สังข์เวียนซ้าย) อย่างไรก็ตามสังข์ทั้งสองชนิดมีความเป็นมงคลเพียงแต่ตามคติพราหมณ์และพุทธเชื่อว่าการเวียนขวานับเป็นมงคลอันจะก่อให้เกิดสิริสวัสดิ์พระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ เป็นสังข์เวียนขวาใช้สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานพระราชวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป ใช้สรงพระพุทธรูปสำคัญ พระยาช้างต้น โขนเรือพระที่นั่ง ยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ มังสีหรือพานรองสำหรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏพิเศษกว่ามังสีของสังข์อื่นตรงที่มีที่บรรจุแป้งเจิมอยู่ภายในพระมหาสังข์เพชรใหญ่ เป็นสังข์ที่มีขนาดใหญ่ใช้สรงพระพักตร์และใช้ในการทรงพระเครื่องใหญ่พระมหาสังข์เพชรน้อย เป็นสังข์ที่ทรงหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ที่ได้จากการเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรพระราชทานแก่พระราชวงศ์ อีกทั้งเป็นสังข์สำหรับพระบรมวงศ์ผู้ทรงสัปตปฎลเศวตฉัตรทรงใช้หลั่งน้ำพระราชทานในพิธีสำคัญพระมหาสังข์ทอง พระมหาสังข์เงิน พระมหาสังข์นาก พระมหาสังข์งา พระมหาสังข์สัมฤทธิ์ ซึ่งพระมหาสังข์ในกลุ่มนี้จะเชิญออกใช้ครบทุกองค์ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหาสังข์เดิม ซึ่งทรงใช้รดน้ำพระพุทธมนต์พระราชทานแก่เชื้อพระวงศ์ ราชนิกุล ตลอดจนสมาชิกในราชสกุลเพราะเป็นสังข์เดิมของสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกสังข์นคร ซึ่งเจ้าพระยานครศรีธรรมราชนำมาทูลเกล้าฯถวายในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาใช้รดน้ำพระราชทานขุนนางสังข์ข้างที่ ซึ่งเป็นสังข์ที่ใช้รดน้ำพระราชทานบุคคลทั่วไปกลศสังข์ เป็นขวดมีพวยยาวสำหรับพราหมณ์บรรจุน้ำเทพมนตร์เพื่อสรงถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือในพระราชพิธีที่มีพิธีพราหมณ์เกี่ยวเนื่อง ฯลฯ

เขากวางคุด เขากวางคุดนั้นโบราณจารย์ท่านกล่าวว่าจะต้องคุดตั้งแต่อยู่ในท้องแม่กวางเลยเชียว บ้างก็บอกว่ามันเกิดที่เขาทั้งสองข้างของมัน แต่มีบางท่านบอกว่ามันเกิดขึ้นที่บริเวณหน้าผาก อันนี้ผู้เขียนต้องขอออกตัวหนีภัยก่อนนะว่ายังไม่เคยเห็นกับตาตัวเองเลย ว่าจริงๆแล้วมันเกิดบริเวณส่วนไหนกันแน่หรือว่าเกิดขึ้นได้ทั้งสองแบบดังกล่าว ก็ขอละไว้เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาดูเอาเองเถิด แต่ผู้เขียนขอยืนยันว่าเขากวางคุดนั้นมีจริงๆ จัดเป็นของทนสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์สูงไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน มีตั้งแต่สามยอด ห้ายอด เจ็ดยอด เก้ายอด ปกติตามธรรมดาเก้ายอดนั้นถือว่าเป็นสุดยอดของบรรดาเขากวางคุด และหาได้ยากยิ่งแล้ว แต่ก็ยังมีอีกชนิดหนึ่งที่โบราณท่านกล่าวกันว่าเป็นกวางพระโพธิสัตว์จุติลงมา ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของที่สุด หนึ่งเดียวในปฐพี และ แทบจะไม่มีใครเคยพบเห็นกันมาก่อนเลย นั่นก็คือ “ เขากวางคุดสิบสองยอด “ ซึ่งถือว่าเป็นกายสิทธิ์ชั้นยอดเยี่ยม
          อานุภาพของเขากวางคุดนั้นดีวิเศษรอบตัวตั้งแต่มหาอุด คงกระพัน เมตตา มหาอำนาจ ราชศักดิ์ โชคลาภ เจริญรุ่งเรืองร่มเย็นเป็นสุข ป้องกันภัยทั้งหลายทั้งปวง แต่ก็ให้ระมัดระวังกันไว้สักหน่อยเพราะของปลอมระบาดมานานนม โดนกันมานักต่อนักแล้วล่ะจะบอกให้..................ช้างตายพรายนั้นโบราณถือเป็นของอาถรรพ์ เพราะเกิดจากช้างรุ่นหนุ่มสาวที่มีร่างกายแข็งแรง ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และที่สำคัญไม่เน่าไม่เปื่อย แต่ร่างกายนั้นกลับแห้งลงไปเฉยๆเท่านั้นเรียกว่า “ ตายพราย” ผู้มีวิชา และล่วงรู้ถึงความวิเศษแบบนี้ก็จะทำการพลี ตัดเอาส่วนที่เป็นงวงมาทำวิชาทางไสยเวทย์ เชิญจิตเพื่อให้เกพลังอานุภาพทางทำมาหากิน เจริญโภคทรัพย์ เมตตามหานิยม และป้องกันภัยอันตรายได้สารพัด เพราะเชื่อกันว่างวงช้างนั้นเป็นส่วนที่ช้างใช้ในการหยิบจับอาหารการกินแล้วยังใช้ฟาด และเหวี่ยงศัตรูด้วยอีกทางหนึ่ง ซึ่งจัดว่าเป็นของดีที่หาได้ยากยิ่ง พราะนานๆทีจึงจะมีให้พบเห็นกัน

งูปากเป็ด เป็นของวิเศษที่คนโบราณกล่าวถึงวิถีกำเนิดความเป็นมาอย่างน่าพิศวงสุดมหัศจรรย์ยิ่ง กล่าวกันว่างูปากเป็ดนั้นเกิดจากขนนกสาเวกซึ่งเป็นชื่อนกในเมืองไกรลาสอันเป็นดินแดนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ ในเมืองมนุษย์เรียกนกชนิดนี้ว่า “นกการเวก” นั่นเอง
          บูรพาจารย์ท่านเล่าว่างูปากเป็ดเกิดจากขนของนกการเวกที่หลุดและหล่นลงมายังเมืองมนุษย์ซึ่งก็จะกลายเป็นงูตัวเล็กๆมีทั้งสีดำ เหลืองทอง ยาวประมาณ7 – 10 ซ.ม. คล้ายงูเหลือมหรืองูเหลือมย่อส่วนอะไรประมาณนั้น จัดเป็นของกายสิทธิ์ชั้นยอดเยี่ยม เป็นของคู่บุญเฉพาะคนเมื่อถึงเวลาเขาจะมาหาเจ้าของๆเขาเอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนจะพบว่ามาหาตอนยังเป็นๆอยู่ แต่บางคนก็จะได้มาจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงนำมาให้อีกที ซึ่งกรณีหลังนี้อาจจะเป็นในรูปแบบซื้อขาย แลกเปลี่ยนเป็นเรื่องที่น่าแปลกประหลาดสำหรับงูปากเป็ดนี้เมื่อเขามาหาเจ้าของๆเขาแล้วภายใน 3 – 5 นาที เขาก็จะละสังขารทิ้งร่างกายสิทธิ์ซึ่งจะค่อยๆแห้ง ไม่เน่าไม่เปื่อยไว้ให้ โบราณท่านกล่าวเปรียบเปรยเอาไว้ว่านกการเวกนั้นมีเสียงร้องไพเราะมากขนาดฤษีที่นั่งเข้าญาณสมาบัติยังต้องลืมตาขึ้นมาฟังเสียงร้องของนกการเวกเลย
          อานุภาพของงูปากเป็ดนั้นเป็นเลิศทางด้านเจริญโภคทรัพย์มหาสมบัติเรียกเงิน เรียกทอง เมตตา เตือนภัย ผู้ใดได้ครอบครองเป็นเจ้าของประดุจได้ไว้ซึ่งขุมทรัพย์ของเทพเทวา ชีวิตจะไม่พบกับคำว่าตกอับยากจนเลย มีแต่จะพบกับความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไปจนกว่าจะหมดอายุขัยเลยทีเดียว

คดกระทิง คดกระทิงนั้นเป็นของทนสิทธิ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในเขากระทิงเฉกเช่นเดียวกันกับคดเขาควาย
ซึ่งตามปกติแล้วจะหาคดเขากระทิงสักชิ้นก็นับว่าหาได้ยากยิ่งเป็นคดจากกระทิงเผือกซึ่งโบราณ
ของไทยเรามีความเชื่อต่อกันมาว่าสัตว์ชนิดใดก็ตามที่เกิดตามตำราสีเผือกถือว่าเป็นสัตว์ที่มี
บุญญาธิการเป็นโพธิสัตว์ลงมาเกิดบำเพ็ญบารมี มีอิทธิฤทธิ์และบุญฤทธิ์สูงผู้ใดที่ได้ครอบครอง ถือว่ามีวาสนาเป็นบุญของผู้นั้น
          อานุภาพของคดกระทิงนั้นโดดเด่นทางด้านมหาอำนาจ เดช ตบะ ส่งผลให้ผู้ครอบครองมี สง่าราศี ศัตรูครั่นคร้ามยำเกรง ป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ปกป้องคุ้มครองและถ้าเป็นคดกระทิงเผือกก็จะมีอานุภาพแรงกล้าขึ้นเป็นทวีคูณ..............

โป่งข่ามแก้วกายสิทธิ์ ตามความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมากว่า ๔๐๐ ปีมาแล้ว ว่าโป่งข่ามนั้นเป็นแก้วกายสิทธิ์ที่สวรรค์ประทานลงมาให้กับมวลมนุษย์ที่มีบุญวาสนาไว้ใช้ปกป้องให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง จากตำนานความจริงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บริเวณใดก็ตามที่มีแก้วโป่งข่ามไฟป่าจะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เลย เพราะเวลาที่เกิดไฟป่าวิ่งเข้ามาในรัศมีที่มีโป่งข่ามไฟป่าจะดับลงในทันที่ทันใดเป็นที่น่าพิศวงยิ่งนัก โป่งข่ามตามตำนานศักสิทธิ์มีอยู่ ๒๔ ชนิดด้วยกัน
          อานุภาพของโป่งข่าม บูรพาจารย์ได้บันทึกเอาไว้ว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์รอบตัวไม่แพ้เหล็กไหลเลยทีเดียวมีกำเนิดมาจากบนสรวงสวรรค์จึงไม่แปลกที่จะมีพลังอานุภาพสูงส่งไร้ขีดจำกัดเป็นของวิเศษดี ๑๐๘ ประการ ซึ่งจะได้นำเสนอต่อสมาชิกในโอกาสข้างหน้านี้ต่อไป จิตวิญญาณที่ดูแลรักษาแก้วโป่งข่ามจะเป็นพวกเทพ พรหม พญานาคฝ่ายสัมมาทิฐิ จึงให้คุณเป็นอเนกอนันต์ต่อผู้บูชา และนำติดตัว โดยเฉพาะผู้ที่ใจบุญเลือกทำแต่กรรมดีเป็นที่ตั้ง จะได้รับกระแสพลังปราณจากกายสิทธิ์ชนิดนี้แบบเต็มบารมีเลยทีเดียว

ไผ่ตัน ต้นไผ่นั้นถือเป็นไม้มงคลที่ให้คุณประโยชน์ต่อมนุษย์ และสัตว์อย่างมากมาย อันไผ่ตันนั้นเป็นของวิเศษจัดอยู่ในประเภทของทนสิทธิ์ที่คนโบราณกล่าวถึงมากอย่างหนึ่ง เป็นของที่มีเทพารักษ์ดูแลรักษาอยู่ เป็นของวิเศษที่นานๆถึงจะปรากฏขึ้นให้พบเห็นกัน ส่วนใหญ่แล้วจะพบโดยบังเอิญ เช่น มีการตัดต้นไผ่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ แล้วเกิดเจอไปพบลำต้นที่ตันไม่เป็นรูกลวงอย่างปกติทั่วไป อันนั้นแหละที่เขาเรียกกันว่า “ ไผ่ตัน” ของธรรมชาติที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
          อานุภาพของไผ่ตันนั้นท่านว่า ดีเยี่ยมทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา โชคลาภ ซึ่งตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ผู้เรืองอาคมทั้งหลายจะนำมาจัดสร้างเป็นเครื่องรางในรูปแบบต่างๆ ซึ่งบูรพาจารย์ท่านมั่นใจในอิทธิคุณเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ไม้งิ้วดำ (พญางิ้วดำ) ต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้วิเศษที่มีเทพธิดารักษา เกิดอยู่ในป่าลึก โดยเฉพาะป่าที่มี อาถรรพ์เร้นลับยากที่มนุษย์จะเข้าไปถึงได้ง่ายๆ เนื้อไม้มีสีดำสนิทแข็งแกร่งมาก โบราณจารย์เล่าว่าหลายร้อยปีทีเดียวจึงจะเกิดมีขึ้นสักต้นหนึ่ง จัดเป็นของทนสิทธิ์มหาวิเศษชั้นดีชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อถึงเวลาอันควรเทพาอารักษ์ที่ปกปักรักษาดูแลจะพลีต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้เพื่อรอผู้มีบุญญาบารมีนำไปทำประโยชน์เพื่อพระศาสนายิ่งหากกลายสภาพเป็นหิน (คด) เมื่อใดก็ยิ่งมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณอานุภาพดีเด่นทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสยมนต์ดำ

คดไม้กาหลงรัง คดกาหลงนั้นเป็นของกายสิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกร ใน 100 – 1000 ปี จึงจะเกิดขึ้นมาสักต้นหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าที่เป็นดินแดนอาถรรพ์ ลี้ลับ ยากที่คนธรรมดาจะเข้าไปถึงหรือพบเห็นได้โดยง่าย ปกติแล้วต้นกาหลงชนิดนี้จะมีนกกามาเกาะแล้วเหมือนต้องมนต์สะกดจนไม่ยอมจากไปไหนลืมเรื่องราวในอดีตลืมลูกลืมคู่ของมัน ไม่เป็นอันกินอันนอน แม้กระทั่งอาหารก็ไม่ยอมออกไปหากินคงหลงใหลในมนต์เสน่ห์เกาะอยู่ตามกิ่งไม้นั้นจนกระทั่งตายอยู่บนกิ่งกาหลงนั้นเอง บูรพาจารย์ท่านว่าเป็นต้นไม้ที่มีเทพธิดาแห่งสรวงสวรรค์ลงมาจุติดูแลรักษาเพื่อรอผู้มีบุญบารมีนำไปทำประโยชน์เพื่อสืบทอดพระศาสนาต่อไป
          แต่หากว่าเมื่อถึงเวลาที่เทพธิดาจะต้องกลับขึ้นไปยังสรวงสวรรค์แล้วและยังไม่พบผู้มีบุญวาสนาอันควรก็จะอธิฐานให้ต้นกาหลงนั้นยืนต้นตายพรายและกลายเป็นหินซึ่งโบราณจารย์ท่านเรียกคดไม้กาหลงรังนั่นเอง
          ส่วนผู้ที่สามารถพบเจอได้นั้นมักจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา มีศีลมีสัตย์และมีวิชาอาคมขลัง เนื่องด้วยบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยบริวารของธิดาเทพเฝ้ารักษาอยู่ไม่ว่าจะเป็นอสรพิษร้ายและภูติพรายต่างๆ ซึ่งหากบุญบารมีไม่ถึงจริงๆมักจะเอาชีวิตไปเซ่นสังเวยในป่าอาถรรพ์แห่งนั้น ไม่มีโอกาสจะกลับออกมาได้เลย
          อานุภาพของคดกาหลงรังนั้นจัดอยู่ในขั้นสุดยอดทางมหาเสน่ห์ มหารัก มหาหลง จังงัง โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย หากใครได้ครอบครองเป็นเจ้าของ ท่านว่าเป็นผู้ที่มีวาสนาเป็นที่รักเสน่หาแก่คนรอบข้าง อีกทั้งยังทำมาหากินคล่องตัวดีนักเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภสมหวังทุกประการแล

คดเถาวัลย์หลง คดเถาวัลย์หลงนี้เป็นของที่หายากมากเกิดอยู่ในป่าลึกมีเทพารักษ์ดูแลอยู่ อันว่าเถาวัลย์หลงนั้นในหมู่ผู้หาของป่า หรือนายพรานจะรู้ซึ้งถึงความอาถรรพ์ และเกรงกลัวกันนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือสัตว์ป่าหากได้เข้าไปถูกต้องแล้วละก็จะเหมือนต้องมนต์สะกดเดินออกจากป่าบริเวณนั้นไปไม่ได้ทีเดียว จะเดินวกไปวนมาหาทางออกไม่ได้จนกว่ามนต์สะกดจะคลายลงนั่นแหละจึงจะออกจากป่าหาทางกลับเจอ ถือเป็นของทนสิทธิ์อิทธิฤทธิ์สูงส่ง คดเถาวัลย์หลงนั้นเกิดขึ้นบริเวณข้อปล้องของเถาวัลย์ ข้อใดข้อหนึ่งที่ได้กลายเป็นหินเมื่อกลายเป็นคดแล้วจะมีอานุภาพสุดเหลือคณา ผู้ที่จะได้พบเจอของอาถรรพ์ประเภทนี้ได้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ได้ญาณสมาบัติ เช่น ฤษี โยคี พระป่าสายกรรมฐาน หรือไม่ก็บุคคลที่ปฏิบัติสมาธิจนได้มโนมยิทธิ และที่สำคัญต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนามีปัจจัยเดิมต่อกันมาด้วยจึงจะมีสิทธิ์ได้พบและครอบครองเป็นเจ้าของเขาได้
          พลังอานุภาพของคดเถาวัลย์หลงนั้นโดดเด่นมากที่สุดเห็นทีจะเป็นในเรื่อง นะจังงังเมตตา มหานิยม โชคลาภ เป็นกำบัง เตือนภัย กันภัย มหาอุด คงกระพัน เพราะนอกจากความวิเศษจะเกิดจากพลังปราณของตัวคดเองแล้วยังได้ญาณทิพย์จากเทพารักษ์ที่ดูแลรักษาอยู่ด้วยอีกทางหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นของกายสิทธิ์ที่ใครมีไว้ครอบครองก็จะพบพานแต่สิ่งดีๆ.........

กัลปังหา ใม้นำ จากทะเล อายุ เป็นพันปี  แก้คุณไสย ป้องกันมนต์ แร่ข้าวตอกพระร่วงประวัติความเป็นมาแร่พระร่วง ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิื์์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ในขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่งและมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...แหล่งกำเนิด : บริเวณเขาพระบาทใหญ่ จังหวัดสุโขทัยลักษณะของแร่ข้าวตอกพระร่วง : มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมากสรรพคุณ : หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้

แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมา คือ
1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา จะพบกับความโชคดี มีโชคลาภ เมตามหานิยม แคล้วคลาด และยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

เพชรหน้าทั่ง เพชรมหามงคล สรรพคุณ 108 ธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์เป็นรองเฉพาะเหล็กไหลที่ภาคใต้เคยมีเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะลอยหมู่บ้านประหลาดที่สามารถโผล่ขึ้นมากลางทุ่งโคลนได้อย่างน่าอัศจรรย์และสามารถหายลับตาไปเฉยๆได้อย่างน่าแปลกประหลาดมีเรื่องเล่ากันมาว่าบางผู้ที่ผ่านเข้าไปในเมืองนี้จะได้รับขมิ้นบ้าง ใบพลูบ้างดูแล้วเป็นของที่ไม่มีค่าบางคนระหว่างทางจึงทิ้งไปบ้างแต่พอมาถึงบ้างตนแล้วก็กลับพบว่าของต่างๆที่ตนไม่เห็นค่ำในตอนแรกบัดนี้กลับกลายมาเป็นทองคำทั้งสิ้นเรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุจากต่างมิติเช่นนี้ปรากฏให้เห็นอยู่เสมอมีหลายคนที่ได้ประจักษ์มาแล้วซึ่งชาวลับแลนี้มีของดีหลายอย่าง ที่จังหวัดพัทลุง เมืองเขาสามร้อยยอดก็ปรากฏเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองลับและธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น “เพชรเมืองคนธรรพ์” หรือเพชรเมืองลับแล ของดีสรรพคุณ 108 ประการที่ทุกคนต่างปรารถนาเพชรของชาวเมืองคนธรรพ์ที่ชาวบ้านพบเจอนั้นเขาเรียกกันว่า “เพชรหน้าทั่ง” มีลักษณะเป็นโลหะผลึกเล็กๆ ฝังอยู่ภายในเนื้อหินตามธรรมชาติคล้ายๆกับเหล็กไหลที่ฝังตัวอยู่ตามผนังถ้ำหรือคล้ายกับปรอทสำเร็จที่ฝังตัวลงในผนังหินตามธรรมชาติก้อนโลหะต่างๆ เหล่านั้นต่างมีลักษณะสัณฐานสี่เหลี่ยมโดยประมารที่เป็นหกหรือแปดเหลี่ยมก็มีมีสีขาวเงินยวงที่ออกเป็นเหลืองครามหรือเขียวปีกแมลงทับก็มีบ้างบางชิ้นก็เป็นสีออกประกายทองหรือทอสีออกเป็นทองแดงเลยก็มี บางคนเรียก “เหล็กสายฟ้า” อยู่ในตระกูล “อัญมณี” ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมอยู่ด้วยกัน สีจึงออกเหลืองนวลอมทอง อมเงิน และหากโดนปฏิกิริยาทางเคมีก็จะกลายเป็นสีทอง นับว่าเป็นของดีที่หาค่ามิได้เชื่อกันว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้มีฤทธิ์เป็นน้องเหล็กไหลมีอานุภาพมากครูบาอาจารย์ทางใต้ต่างรู้สรรพคุณแร่ชนิดนี้ดีทั้งนั้นอย่างพ่อท่านแดงจังหวัดปัตตานี ที่ทำพระเครื่อง"หลวงปู่ทวดรุ่น ๕ แขะ" อันเลื่องชื่อที่มีการลองความขลังโดยใช้ปืนจ่อยิงองค์พระเครื่องปรากฏว่าทั้ง ๕ นัดที่ทดลองกระสุนด้านทั้งสิ้น จึงเป็นที่มาของรุ่น ๕ แชะนี่เองพระเครื่องของท่านก็ได้อาศัยธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ทำการฝังลงไปยังด้านหลังขององค์พระกล่าวกันว่าหลวงพ่อท่านได้ทำการปลูกเสกจนกระทั้งเพชรหน้าทั่งส่งแสงออกมารองกุฏิยามกลางคืนท่านว่ากายสิทธิ์ชนิดนี้ดีจริงๆ มีพุทธคุณครบทุกด้านเพชรหน้าทั่งนี้ผู้รู้กล่าวกันว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่มีเทพทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายคนธรรพ์ดูแลรักษาอยู่ถ้าใครบางมีไม่ถึงไปเอาเองโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ยินยอมให้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้นการเอามานั้นแม้ว่าจะไม่ได้มาด้วยการใช้วิชาแบบตัดเหล็กไหลแต่เขาก็เรียกว่าเป็นการตัดเพชรออกมาเช่นกันคือการขอพลีเอามาอย่างถูกวิธีเจ้าป่าเจ้าเขายินยอมให้จึงสามารถได้มาอย่างปลอดภัยกายสิทธิ์ของดีจากเมืองลับแลเป็นของที่มีอานุภาพมากมีเจ้าปู่ตาเพชรเป็นพลังงานวิญญาณที่คอยดูแลรักษาธาตุชนิดนี้อยู่โดยเฉพาะการบูชานั้นท่านให้น้ำเอาดอกมะลิเท่านั้นกับน้ำฝนมาเป็นของถวาย เจ้าปู่ตาเพชรทำการรักษาบูชาให้ดีจะบังเกิดโชคลาภนานาประการ ผู้บูชาไว้ไม่มีอดอยากยากจนเลยนอกจากนั้นเพชรทั่งยังสามารถพกติดตัวเอาไปได้ทุกที่ ไม่มีเสื่อมแต่หากปฏิบัติตัวไม่ดีองค์เพชรหน้าทั่งก็สามารถพกติดตัวเอาไปได้ทุกที่ไม่มีเสื่อม แต่หากปฏิบัติตัวไม่ดีองค์เพชรหน้าทั่งก็สามารถเสด็จหนีไปได้เหมือนกันคล้ายๆกับพระธาตุเจ้านั่นแล โบราณเชื่อกันว่า เพชรหน้าทั่ง เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่จะทำให้ ผู้ที่เป็นเจ้าของเกิดความร่ำรวย มักจะอยู่ในเขตที่มีสายแร่ทองคำภายใต้ภูเขาลูกนั้นสำหรับการบูชาเพชรหน้าทั่งเพชรมหามงคลท่านบอกไว้ว่าผู้ที่มีเพชรหน้าทั่งไว้บูชาควรใช้ดอกมะลิ บูชาเมื่อออกจากบ้านไปหาลาภ ไห้ว่าคาถาข้างล่างนี้ 3 จบจะมีลาภปลอดโรคปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง "จุติ จิตตัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ" เป็นคำแนะนำการบูชาของดีที่จัดอยู่พวกเครื่องรางของขลังป้องกันตัวประเภทธาตุกายสิทธิ์ โดยธรรมชาติ[ชาวใต้มั่นใจในอิทธิสรรพคุณของ "เพชรหน้าทั่ง" ว่าจะเป็นรองก็แต่เฉพาะเหล็กไหลเท่านั้น]

•••••••••
SpyLove.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น